วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

รถบ้านแท้ เต็นท์เทียม หรือ บ้านเทียม เต็นท์แท้

รถบ้านแท้  เต็นท์เทียม หรือ บ้านเทียม เต็นท์แท้
By Dan: Carfair group



     คงทำให้ผู้อ่านรู้สึกงงๆกับหัวข้ออันวกวนมิใช่น้อยอันนี้ แต่รับรองได้ว่าผู้เขียนตรึกตรองมาเป็นอย่างดีในการตั้งหัวข้อให้เข้ากับเนื้อหา
       เพราะปัจจุบันตลาดซื้อขายรถยนต์ที่มีศัพท์แปลกๆหลายๆคำที่เกิดขึ้นให้คนหาซื้อรถได้คุ้นเคย ทั้งคำว่า รถบ้าน รถบ้านแท้ รถบ้านแท้ๆ รถบ้านหมอใช้ รถผู้หญิงใช้ รถผู้พิพากษาใช้  รถผู้บริหาร รถนักศึกษา รถแม่บ้าน คุณคงเห็นคำเหล่านี้ใช้กันอยู่อย่างดาษดื่นในทุกๆที่ ที่มีรถมือสองขายอยู่

        ซึ่งคำเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการรังสรรค์ปั้นแต่งจากนักแต่งกลอน หรือ Creative ระดับโลกจากสำนักโฆษณาไหนๆ  แท้จริงแล้วคำศัพท์เหล่านี้เกิดมาจากลักษณะการขับขี่รถ การใช้งาน และการเชื่อมั่นในคุณภาพจากการได้ทราบข้อมูลจริงๆของรถที่ขาย ซึ่งผู้เขียนสามารถอธิบายความหมายของคำศัพท์เหล่านี้ได้ว่า


1.รถบ้าน รถบ้านแท้ รถบ้านแท้ๆ หมายถึงรถคันนั้นเป็นรถที่คุณสามารถสืบค้นได้ถึงตัวเจ้าของ ว่าเขาหน้าตาอย่างไร นิสัยดีไม๊ สามารถสอบถามเจ้าตัวได้ถึงประวัติต่างๆของรถที่ใช้มา ซึ่งโดยสรุปความได้ว่า ถ้าเจอรถบ้านแท้อะไรประมาณนี้มันจะทำให้ผู้ซื้อเกิดความมั่นใจ…..ว่างั้น



2.รถคุณหมอใช้ หมายถึง เป็นที่ยอมรับกันในสังคมไทย(ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้) ว่าคุณหมอจะใช้รถน้อยมากกว่าอาชีพอื่นๆ(???)
     คิดกันว่า บ้านคุณหมอต้องอยู่ใกล้โรงพยาบาลสุดๆราวกับว่าจะเข็นรถไปก็ถึง นอกจากนั้นสังคมเราก็ยังคิดกันว่าคุณหมอเป็นคนที่ใช้รถได้อย่างทะนุถนอมสุดๆ มีการบำรุงรักษาได้ดีสุดๆ
     หรือจะเป็นเพราะว่าอาชีพคุณหมอเป็นอาชีพที่คนในสังคมนับถือก็อาจเป็นไปได้ ทำให้รถที่ซื้อต่อมาจากคุณหมอใจดีเป็นรถที่น่าใช้และเป็นเกียรติแก่ตนเองด้วย แต่รวมๆแล้วถ้าเป็นรถคุณหมอแท้ๆจะทำให้คนซื้อรู้สึกดี….หละครับ




3.รถคุณผู้หญิงใช้ อันนี้มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้องครับ อาจเป็นว่าด้วยเรื่องของสรีระ และจิตใจ ของผู้หญิงที่แท้จริงแล้วก็มีความอ่อนโยนและบอบบางกว่าผู้ชายอกสามศอก(แม้ว่าการขับขี่รถจะไม่ได้ใช้กำลังอะไรมากมาย) แต่ก็เอาเถอะครับ การที่รถนั้นเป็นรถที่คุณผู้หญิง(ที่มีความอ่อนโยน ใจเย็น รักสะอาด ขับรถช้า และถนอมรถ)ใช้ก็สามารถทำให้ผู้ซื้อรู้สึกสบายใจและมั่นใจได้ว่ารถคันนี้ดีสำหรับซื้อมาใช้แน่นอน





4.รถผู้พิพากษา อันนี้บอกตามตรงว่าค่อนข้างงงอยู่เหมือนกันครับ ว่าทำไมรถผู้พิพากษาใช้ถึงทำให้ผู้ซื้อมั่นใจ เพราะถ้าจะเอากันจริงๆ ผู้พิพากษาส่วนใหญ่ก็คงจะมีพนักงานขับรถคอยขับให้ ซึ่งถ้าบอกว่า รถคนขับรถผู้พิพากษาใช้ ก็ยังไม่เห็นใครทำแบบนี้นะครับ แต่ก็อีกนั่นแหละ การได้ซื้อรถของท่านผู้พิพากษาแท้แท้นั่นอาจหมายถึงการได้ซื้อรถจากผู้ที่มีความเที่ยงตรงยุติธรรม ก็น่าจะทำให้ผู้ซื้อได้รถที่ดีไว้ใจได้….เหมือนกัลล์





5.รถผู้บริหาร รถนักศึกษา แม่บ้าน รถกลุ่มนี้มีลักษณะคล้ายๆกันคือ ใช้โดยคนที่น่าจะใช้รถน้อย แค่ขับจากบ้านไปตลาด ไปมหาวิทยาลัย หรือแค่ไปจอดในที่ทำงานทั้งวัน เรียกได้ว่า วันๆขับแค่สองครั้ง คือไป และก็กลับ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ รถของคนกลุ่มนี้ก็จัดว่าน่าซื้อทีเดียวครับ…จะบอกให้




     ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้นจากคำขยายความรถมือสองเหล่านี้ แทนที่จะเป็นตัวบอกข้อมูลที่ดี แต่กลับกลายเป็นเครื่องมือสำหรับสร้างความน่าเชื่อถือ และสร้างราคาให้กลับรถมือสองในตลาดซื้อขาย
     เชื่อหรือไม่ ว่าผู้เขียนได้ยินเรื่องรถบ้านเทียม รถหมอปลอม รถแม่บ้านเก๊ อยู่บ่อยๆ
     ตัวอย่างเช่น ด้วยความที่ผู้ขายรถระดับหรูหราอยากขายรถแบบสะดวกสบายโดยไม่ต้องมานั่งคอยเอาเอกสารหรือคอยต้องพาดูโน่นดูนี้กับรถคันที่ต้องการขายอยู่ เพราะรถหรูๆส่วนใหญ่ก็มีราคาค่างวดอยู่ในระดับหลายล้าน

     
ผู้ขายเห็นว่าคำว่ารถบ้านแท้นี่มันสามารถสะกดผู้ซื้อได้อยู่หมัด ก็เลย 

ลงทุนไปเช่าคฤหาสน์ มาเป็นที่นัดดูรถ 

แล้วบอกผู้ซื้อว่า  

“เจ้านายใหญ่ไม่อยู่ครับ ท่านไปธุระที่ต่างประเทศ ซื้อได้เลยครับ ท่านใช้น้อยมากครับ”  

เท่านี้แหละ ผู้ซื้อก็ยอมควักกระเป๋าจ่ายค่าตัวรถในราคาที่ดีทีเดียวเชียว





     แต่ในทางกลับกัน ผู้สนใจซื้อรถหลายคนก็กลัวกับการที่จะต้องซื้อรถมือสองจาก เต็นท์ขายรถ เพราะเกรงว่ารถที่ได้ซื้อมานั้นจะเป็นรถที่โดนหลอกลวงปกปิดสภาพการเกิดอุบัติเหตุมา แถมถ้าสภาพใหม่เกินไปก็จะทำให้ผู้ซื้อกลัวเข้าไปใหญ่ว่า “โอ้โหใหม่จังเลย ใหม่ไปไม๊เนี่ย หรือว่า จะใหม่ไปถึงไหนเนี่ย”
     
      กลับเข้ามาสู่ความเป็นจริงกันดีกว่าไม๊

     เพราะถ้าพิจารณากันจริงๆ ถ้าคุณสามารถรู้สภาพรถที่แท้จริงได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่ารถคันนั้นจะเป็นคุณหมอใช้ ผู้พิพากษา หรือใครๆก็ตาม คุณก็จะซื้อรถโดยไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

   
เพราะเรื่องจริงก็คือ รถที่ใช้กันอยู่บนท้องถนนทุกวันนี้ มีโอกาสเสียหายจากการใช้งานหรือมีโอกาสได้รับการดูแลจากคนทุกเพศทุกวัยเท่าเทียมกันหมด ถ้าจะใช้น้อย ใช้ถนอม แท้จริงแล้ว ก็สามารถตรวจสอบได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

       และถ้าจะพูดกันอย่างให้ความยุติธรรมกับเต็นท์รถทั้งหลาย

รถเต็นท์ ก็เคยเป็นรถบ้านมาก่อน

     ถ้าเต็นท์นำรถคันนั้นมาปรับปรุง ดูแลรักษา เปลี่ยนอะไหล่ที่สึกหรอออก แล้วนำมาขายแบบพร้อมใช้ไม่ต้องปรุงเพิ่ม ก็กลับเป็นรถที่มีความเสี่ยงน้อยกว่ารถบ้านที่ขายทิ้งเพราะต้องการหนีไปใช้รถใหม่ด้วยซ้ำ

แต่ผู้ซื้อที่ดีก็ต้องสามารถแยกแยะได้ว่า ความใหม่สดใสจากการปรับปรุงรถที่ดีอยู่แล้ว กับการย้อมแมวเอารถพังมาทำให้ได้ราคานั้น…….เป็นอย่างไร

www.sabuycar.com



วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

22 ขั้นตอนตรวจสอบรถมือสองด้วยตัวคุณเอง

22 ขั้นตอนตรวจสอบรถมือสองด้วยตัวคุณเอง
By Dan: Carfair group


  ถ้าคุณมีความคิดจะหาซื้อรถมือสองดีๆสักคัน คุณคงรู้สึกได้ถึงความสับสนที่จะเกิดขึ้นในความคิด เนื่องจากมีปัจจัยที่น่าปวดหัวมากมายให้คุณจะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เช่น
-ขั้นตอนการหาซื้อรถมือสอง ที่คุณต้องทำการบ้านให้ดี
-การตรวจสภาพรถมือสอง เพื่อประกอบการตัดสินใจ
-ราคาที่เหมาะสม
-แผนการซ่อมบำรุง เพื่อให้รถสามารถใช้ได้เป็นอย่างดี
 
      ถ้าคุณเห็นด้วยกับการต้องรู้สภาพรถก่อนการตัดสินใจซื้อ ผมอยากนำเสนอวิธีการตรวจสอบรถที่สามารถใช้ได้อย่างทันสมัยตลอดกาล และสามารถฝึกฝนเองได้ที่บ้าน

 
    22 ขั้นตอนที่คุณสามารถตรวจสอบรถมือสองด้วยตัวคุณเอง


1.ต้องแน่ใจว่ารถที่คุณกำลังตรวจสอบอยู่นั้น จอดอยู่บนพื้นราบ ไม่เอียงขึ้นลง หรือเอียงซ้ายเอียงขวาเพราะคุณจะสามารถทำการตรวจยางและระดับของช่วงล่างได้แม่นยำ นอกจากนี้การจอดในพื้นราบยังเป็นการสร้างความปลอดภัยจากรถเคลื่อนที่เองในขณะตรวจสอบได้อีกด้วย









2.ตรวจดูการทำสีของรถ ดูร่องรอยสนิมต่างๆ รอยนูน รอยบุ๋ม และรอยถลอก หลุดร่อนต่างของสีรถ โดยขั้นตอนนี่จะต้องดูอย่างละเอียดเรียงไปตั้งแต่ด้านหน้ารถ ด้านข้าง ด้านหลัง ด้านบน ตลอดจนถึงตัวถังด้านในทุกส่วน ว่าสีที่ปรากฏนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร มีรอยสนิม รอยถลอก หรือร่องรอยปูดรอยบุ๋มหรือไม่ เพื่อดูว่ารถคันนี้มีโครงสร้างพื้นผิวต่างๆสมบูรณ์ดีอยู่หรือไม่






3.ตรวจสอบในส่วนของห้องเก็บของที่อยู่ส่วนท้ายรถว่ามีสภาพสวยงามเรียบร้อยดีอยู่หรือไม่ เปิดดูยางอะไหล่และเครื่องมือประจำรถว่ามีครบหรือไม่ อ่างยางอะไหล่มีสภาพเรียบร้อยสมบูรณ์ดีอยู่หรือไม่










4.ตรวจดูอุปกรณ์ที่อยู่ใต้ฝากระโปรงหน้ารถ ว่ามีร่องรอยการชน รอยบุบ รอยปูด หรือร่องรอยความเสียหายต่างๆที่อาจเกิดจากการไม่ดูแลรักษารถหรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุต่างๆ
      นอกจากนี้ ภายใต้ฝากระโปรงเรายังสามารถตรวจสอบเลขตัวถังและเลขเครื่องได้อีกด้วย ถ้าเลขเหล่านี้ไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือหายไป หรือมีลักษณะถูกแก้ไขใหม่มา คุณคงต้องสอบถามถึงเหตุผลกับผู้ขายและตรวจสอบละเอียด







5.ตรวจเช็คท่อยางและสายพานต่างๆ ว่ามีรอยร้าวรอยรั่วหรือรอยแตกลายงา รวมถึงยังมีสภาพความยืดหยุ่นสวยงามดีหรือไม่ สายพานต่างๆต้องไม่หย่อนหรือตึงเกินไป












 6.เปิดประตูเข้าดูภายในห้องโดยสาร ดูเบาะที่นั่งทุกๆตำแหน่งว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ มีรอยฉีกขาดหรือมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ยังสะอาดสดใสอยู่หรือไม่











 7.ตรวจสอบดูว่า ระบบทำความเย็นสามารถทำงานได้สมบูรณ์หรือไม่ ลองปรับความเย็นและแรงลมว่าทำงานได้ดีในทุกระดับหรือไม่
    และน้ำยาแอร์ของรถต้องจะเป็นชนิด R134  เพราะตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 เป็นต้นมา รถทุกคันจะต้องใช้น้ำยาแอร์ R134 เท่านั้น
 









8.ตรวจดูเลขระยะทางที่ให้งานมา เลขระยะทางสามารถเป็นตัวบอกอายุของรถและความเสื่อมถอยของชิ้นส่วนต่างๆได้
   โดยปรกติทั่วไปรถจะมีระยะทางในการใช้งานประมาณ 25000 – 35000 กิโลเมตรต่อปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาชีพของผู้ขับขี่ พื้นที่ที่ใช้ ว่าเป็นรถใช้ในเมือง หรือใช้ระหว่างพื้นที่
    แต่อย่างไรก็ตามคุณจะต้องจำไว้ให้ขึ้นใจว่า สภาพรถ ปีรถ และ ระยะทางขับขี่ ควรสอดคล้องกัน การซื้อรถที่มีอายุ 10 ปี แต่วิ่งมาแค่ 30000-40000 กิโลเมตร นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ดี




9.การทดลองขับก่อนการตัดสินใจขั้นตอนสุดท้าย ข้อนี้เป็นการตรวจสอบที่ดีมากที่ทำให้เราสามารถรู้สภาพโดยรวมของรถว่าสามารถใช้ได้ดีหรือไม่ รวมถึงเสียงต่างๆที่ผิดปรกติสามารถตรวจพบได้ในขั้นตอนนี้
    จำไว้ว่าคุณหรือช่างของคุณควรได้ทดสอบขับรถก่อนการตัดสินใจซื้อ









10.การตรวจสอบคู่มือเข้าศูนย์บริการประจำรถ เพื่อดูประวัติการเข้าซ่อมบำรุงการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ รวมถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับรถคันนั้น
      ถ้าจะให้สมบูรณ์ที่สุด เจ้าของผู้ขายรถควรเก็บเอกสารต่างๆเกี่ยวกับการเข้าศูนย์บริการไว้แสดงแก่ผู้ซื้อ เพื่อให้ผู้ซื้อรถสามารถวางแผนหลังการซื้อได้ว่า จะต้องนำรถไปเข้าตารางการซ่อมบำรุงต่อไปอย่างไร
    รถคันนั้นจะเข้าศูนย์บริการรถอิสระ หรือผู้ใช้ซ่อมบำรุงเองก็ได้ ตราบใดที่เจ้าของรถสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาทำอะไรกับรถมาบ้าง แต่ผู้ขายหลายรายอาจแก้ไขหรือทำการปกปิดเอกสารเหล่านี้ในกรณีที่รถใช้งานหนักมากหรือเกิดอุบัติเหตุหนักมา



11.ตรวจสอบระบบเบรก สามารถทำได้โดยระหว่างทดลองขับลองเบรกกระทันหัน เพื่อทดสอบระบบเบรก และ ระบบ ABS ว่าสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบหรือไม่ สามารถใช้การทดสอบบนความเร็ว ไม่เกิน 60 กม/ชม บนที่ๆไม่มีรถหนาแน่นและควรระวังรถที่ขับตามด้วย
       ระหว่างเบรกยังสามารถตรวจสอบความผิดปรกติต่างๆจากเสียงเบรกได้ว่า ผ้าเบรกผิดปรกติ ใกล้หมด หรือรวมไปถึงจานเบรกว่ามีพื้นผิวสัมผัสที่สมบูรณ์อยู่หรือไม่
การทดสอบนี้สำคัญต่อความปลอดภัยในการขับขี่มาก




12.ตรวจสอบดูส่วนประกอบต่างๆของเครื่องยนต์ ว่ามีของเหลวที่ผิดปรกติรั่วซึมหรือมีชิ้นส่วนที่มีรอยร้าว หรือมีสนิมหรือรอยถลอกรอยแตกที่ผิดปรกติหรือไม่
   ข้อนี้จะทำให้เราสามารถดูการใช้งานที่ผ่านมา หรือเอาไว้ใช้ในการวางแผนซ่อมบำรุงต่อไปได้











13.เปิดฝาน้ำมันเครื่องตรวจดูสภาพ คราบ และรอยสนิมต่างๆ เพื่อตรวจดูความสมบูรณ์ของแหวนลูกสูบ รวมถึงการดูสีของของเหลวภายในว่ามีสีผิดปรกติที่เกิดจากเครื่อง Over heat ทำให้ฝาสูบโก่ง ทำให้มีของเหลวอื่นๆ ปะปนไปในน้ำมันเครื่องหรือไม่









14.ตรวจสอบแกนวัดระดับของเหลวต่างๆ ต้องอยู่ในระดับปรกติ ไม่มากหรือน้อยกว่าขีดปรกติ ต้องมีสีใสปรกติ ไม่ดำเกินไป หรือมีกลิ่นไหม้ การวัดระดับจากแกนวัดระดับเหล่านี้ควรทำในขณะยังไม่ติดเครื่อง











15. ตรวจสอบสายพาน Timing สายพาน Timing เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญอย่างหนึ่งในเครื่องยนต์
   ถ้ารถบางรุ่นในปัจจุบันใช้ โซ่ Timing แทน คุณก็หมดกังวลเกี่ยวกับการตรวจสอบในข้อนี้ได้
     โดยปรกติทั่วไป สายพาน Timing จะมีระยะการใช้งานได้ระหว่าง 100000-200000 กิโลเมตร แล้วแต่ผู้ผลิตรถ









16.ตรวจสอบยางรถทั้ง 4 ล้อ ว่ามีลักษณะต่างๆเหมือนกันหรือไม่ ทั้งรุ่น ปีที่ผลิต รวมไปถึงลักษณะความสมมาตรกันของยางแต่ละเส้น ลักษณะการสึกกร่อน
   การสึกที่ไม่เท่ากันทั้งเส้น หรือไม่เท่ากันระหว่างล้อซ้ายขวา อาจทำให้เราสันนิษฐานได้ว่า จุดศูนย์ถ่วงของรถคันนี้ผิดปรกติ อาจต้องทำการตั้งศูนย์ใหม่ หรืออาจตั้งไม่ได้ในกรณีรถอุบัติเหตุจนเสียศูนย์ถาวร








17. ตรวจดูส่วนต่างๆของตัวถังว่าเคยเกิดอุบัติเหตุมาหรือไม่ ดูตามขอบชิ้นส่วนต่างๆว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ ไม่เป็นรอยบุบ ขรุขระ บิดเบี้ยว หรือมีสีที่แตกต่างกับชิ้นส่วนเดียวกันในบริเวณใกล้เคียง
     ดูการแตกร้าวของชิ้นส่วนต่าง เพื่อตรวจสอบถึงสภาพการเกิดอุบัติเหตุของรถ











18. ทำการตรวจสอบใต้ท้องรถ ตรวจดูระบบท่อไอเสียทั้งหมด ตรวจสอบดูรอยดำที่ผิดปรกติต่างๆ รอยสนิม รอยแตก หรือรอยของเหลวที่รั่วซึมออกมาตามรอยรั่วของระบบท่อไอเสีย
    การตรวจสอบนี้ยังอาจบอกได้ถึงสภาพการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย









19.คุณควรหาเพื่อนที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านตัวถังแบบจริงจังไว้ใจได้ หรือสามารถจ้างช่างตรวจสอบคุณภาพรถที่เป็นช่างที่มีความรู้ความชำนาญทางด้านการตรวจสอบสภาพรถมือสองที่ไว้ใจได้ช่วยตรวจสอบรถให้ หรืออาจส่งรถไปตรวจกับศูนย์ตรวจรถอันทันสมัยในกรณีที่สามารถตกลงกับผู้ขายได้
   แต่ต้องระวังว่าการตรวจสอบจากเพื่อนหรือช่าง หรือศูนย์บริการเหล่านี้ จะต้องไม่ทำให้รถเละเป็นโจ๊กจนคุณต้องรับผิดชอบซื้อเอาไว้แทน




20.คำนวณราคา เมื่อสามารถตรวจสอบทุกๆจุดตามที่ได้นำเสนอมาแล้ว เรื่องถัดไปคือการนำเอาข้อมูลคุณภาพรถทั้งหมดมาคำนวณเป็นราคาที่เหมาะสม โดยอาจอ้างอิงจาก"ราคากลาง"ของรถที่มีสภาพกลางๆ
    จากนั้นถ้ารถที่คุณดูอยู่มีสภาพดีก็สามารถซื้อได้ในราคาใกล้ๆกับราคากลาง แต่ถ้ารถมีจุดบกพร่องมาก ราคาก็ควรต่ำกว่าราคากลางอย่างแน่นอน
    ข้อมูลในจุดนี้สามารถทำให้เรารู้ได้ว่าราคาที่เหมาะในการต่อรองแบบมีเหตุผลควรเป็นเท่าใด จำไว้เสมอว่า ของดีราคาถูกมากๆไม่มีอยู่ในโลก
     ความจริง ของดีราคาเหมาะสมถึงจะเป็นรถที่คุณควรเป็นเจ้าของ



21.รถบ้าน หรือ รถเต๊นท์ นั้นไม่ได้มีความสำคัญ เท่าการที่คุณสามารถรู้สภาพที่แท้จริงของรถ
    เพราะในปัจจุบันความนิยมในการซื้อรถที่เจ้าของขายเอง(หรือที่เรียกกันว่ารถบ้าน)จะทำให้ผู้ซื้อมั่นใจและยอมจ่ายเงินมากกว่า
    แต่ในความเป็นจริง ขบวนการ "รถบ้านเทียม" มีมายมาย
 ดังนั้นการหารถโดยดูสภาพจริงได้ เป็นสิ่งที่คุณควรใช้ในการตัดสินใจซื้อรถมือสอง

( คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทความเรื่องรถบ้าน )



22.เข้าศูนย์บริการ หลังจากได้รถมือสองที่ถูกใจมาแล้ว คำแนะนำสุดท้ายก็คือ การเตรียมนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อดูแลในส่วนของอุปกรณ์ที่เราตรวจพบว่าไม่สมบูรณ์จากการตรวจตอนซื้อ
    อาจมีการเปลี่ยนของเหลวต่างๆที่หมดอายุการใช้งาน หรือตกแต่งอุปกรณ์เพิ่มเติมให้รถของเราดูดีงดงามหรือแต่งซิ่งก็ได้ตามใจชอบ






 www.sabuycar.com




10 อันดับรถคุ้มค่าแห่งปี

10 อันดับรถคุ้มค่าแห่งปี
(ข้อมูลจาก toptenthailand.com)


10.อีโค่คาร์ของค่าย Honda




เป็นรถที่ต้องจับตามองปี 2012(หลังจากผ่านพ้นช่วงน้ำท่วมใหญ่มา)เบื้องต้นเปิดตัวที่ราคา 400,000 บาท มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร มีระบบ iVtec มาด้วยที่คงเป็นข้อสำคัญที่ทำให้มันน่าสนใจ เพราะ เครื่องรุ่นนี้แรงถึง 90 แรงม้า และแน่นอนว่าระบบเกียร์ และดีไซน์ช่องเก็บของต่างๆให้คุณซุกของได้ตามถนัดนั้น เป็นอะไรที่หลาย คนชอบ และคุณควรเก็บไว้ในlistรถน่ามองก่อน แต่ประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งที่ต้องทดสอบดูว่าถูกใจหรือไม่



9. Toyota Hiace




ในตลาดกลุ่มนี้ เจ้าแห่งค่ายรถยนต์จับฉ่ายเต็มไลน์ อย่างโตโยต้า ก็ครองใจด้วย Toyota Hiace และรุ่นหรู Toyota Ventury ที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะรถรุ่นนี้วิ่งกันเกลื่อนถนนในฐานะรถตู้โดยสาร ที่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคุ้มค่าที่สุดในปีที่ผ่านมา






8. Chevrolet Captiva


รถ SUV พันธุ์แท้ และมันมีเพียงไม่กี่รุ่นที่มาขายในไทย แต่ถ้าถามราคาค่าตัว ฟังชั่น เทคโนโลยี ที่จะอัดแน่นในรถยนต์ กลุ่มนี้นั้น Chevrolet Captiva ถือว่าเป็นรถที่ดีที่สุดในกลุ่ม โดยมันมีราคาเริ่มต้นที่ 1,292,000 บาท ในรุ่น LS ที่มาพร้อมขุมพลังทางเลือกเบนซินและดีเซล ส่วนภายในกว้างขวางนั่งสบายแน่ และยังทรวดทรงดูภูมิฐานทางภายนอก










7. Nissan Teana



ซีดานกลางที่คุ้มสุดแห่งปี เป็นรถที่ให้สมรรถนะ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยสูงสุด เท่าที่รถในระดับเดียวกันสามารถจะให้ได้ นี่ยังไม่นับรวมเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ที่ถือว่าราคา1,219,000 -1,676,000 บาท นั้นคุ้มที่จะจ่าย และรถรุ่นนี้ไม่ใช่ก็เป้นเจ้าของกันง่าย เพราะผลิตตามออเดอร์เท่านั้น






6. Chevrolet cruze



เป็นรถกลุ่มคอมแพ็คซีด้านที่คุ้มค่าที่สุดแห่งปี 2011 และมันน่าสนใจอย่างมากด้วย รูปลักษณ์ที่กินขาดเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจ และที่สำคัญที่สุดออพชั่นต่างๆที่เพียบพร้อมนั้น อาจจะถูกใจใครหลายๆคน









5. Ford Fiesta


ซับ-คอมแพ็คคาร์ ที่คุ้มค่าที่สุด ที่วันนี้วางจำหน่ายด้วยราคาสูงสุดที่ 699,000 บา ท ที่ถือว่าไม่แพงเลย เมื่อมองเพิ่มเติมที่รูปลักษณ์อันสะดุดตา พร้อมด้วยเทคโนโลยีอีกเป็นหางว่าว ที่รุ่นท๊อป มีจุดเด่นที่ระบบสั่งงานภายในรถด้วยเสียง ถือว่าน่าสนใจมากๆ และล้ำหน้าเจ้าอื่นไปอีกขั้นจริงๆ







 

4. Nissan Navara


รถกระบะที่คุ้มค่าที่สุดปี ห้ทุกอย่างลงตัวกว่ารถรุ่นอื่นๆ ด้วยรูปโฉมแบบอเมริกันออกแบบให้ เครื่องยนต์แรง+6 เกียร์ที่ ประหยัด หรือถ้าไม่ชอบ 5 เกียร์อัตโนมัติก็ยังให้การขับขี่ที่สะดวกสบาย ที่สำคัญและโดนใจมากที่สุดนั้นคงไม่พ้นการออกแบบภายในห้องโดยสาารที่ออกมาราวกับว่า มันเป็นรถเก๋งยังไงยังงั้น










3. Mitsubishi Lancer EX รุ่น 1.8


รถที่คุ้มค่าที่สุดทางด้านความประหยัด หลายคนอาจจะสงสัย เครื่อง 1.8 มันประหยัดตรงไหน เครื่องน่ะมีอัตราประหยัดไม่เท่าไร แต่ด้วยความล้ำหน้ากว่าชาวบ้านที่มันสามารถเติมน้ำมัน E85 ได้ นี่สิ ถือเป็นทางออกที่น่าสนใจอย่างมากและมันก็ทำให้เราเหลือเชื่อด้วย ราคาเติมน้ำมันเต็มถังที่พอๆกับการใช้แก๊ส แต่ความแรงในการเหยียบพุ่งนี่ดีกว่ากันเยอะเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าตัวและความประหยัดที่ได้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และมันประทับใจในอัตราเร่งที่ยังทันใจรถรุ่นนี้จึงเอาใจเราไปครองได้อย่างไม่ยากเย็นนัก





2. Toyota Prius รถ Hybrid



รถที่คุ้มค่าที่สุดทางด้านเทคโนโลยี ตัวแม่รุ่นใหม่ล่าสุดที่ไม่คิดว่าจะมาเมืองไทย ชนะใจไปด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1,190,000 บาท พร้อม รายชื่อเทคโนโลยียาวเป้นหางว่าว ตั้งแต่เครื่องยันการออกแบบ ที่ทั้งหมดทางค่ายสามห่วงจัดทำมาเป้นพิเศษเพื่อความประหยัด และสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่คุณจะหาได้






1. Nissan March



รถที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2011 ที่ให้ความลงตัวและน่าสนใจด้วยราคาเริ่มต้น 375,000 บาทเท่านั้น รถรุ่นนี้อาจจะเล็กพริกขี้หนู แต่มันก็เจ๋งพอตัวด้วยเทคโนโลยีดีๆจากรถรุ่นใหญ่ อย่างระบบเครื่องที่หั่นออกไป 1 สูบ หรือระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT จากซีดานใหญ่ที่นิ่มนวล ที่เมื่อมองรวมกับองค์ประกอบอื่น อย่างดีไซน์ทั้งภายใน ภายนอกนั้น รถรุ่นนี้ถือว่าทำออกมาได้ดี และลงตัวมากๆ แต่ความคุ้มค่าที่สุดนี้อาจจะทำให้หลายคนออกอาการเซ็ง เมื่อรู้ว่าต้องใช้เวลารอรถที่จะผลิตออกมาได้เชยชม ด้วยบัญชียาวเป็นหางว่าว ที่มีระยะเวลากว่า 4-5 เดือน เลยทีเดียว


www.sabuycar.com


วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

5กลโกงระดับโลก ที่นักขายรถ18มงกุฏใช้กระซวกเงินคุณ


5กลโกงระดับโลก ที่นักขายรถ18มงกุฏใช้กระซวกเงินคุณ
By Dan: Carfair group


       เป็นเรื่องปวดหัวระดับโลก เกี่ยวกับนักขายรถ 18 มงกุฏที่จะคอยเอารถมาเร่ขายให้เรา (บางที่ก็มาขอซื้อก็มี)  ซึ่งปัญหานี้สามารถพบเจอได้ในทุกๆประเทศ แม้กระทั่งในประเทศที่มีกฏหมายแน่นหนาแถมยังมีบริษัทตรวจสอบประวัติรถมากมายคอยดูแลอย่างสหรัฐอเมริกา
     เพราะแค่ข้อมูลจากบริษัทประกัน กับกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภคนั้นยังไม่อาจเข้าถึงขบวนการหลอกขายรถนี้ได้

         แท้จริงปัญหานี้มันเป็นปัญหาแบบเกาไม่ถูกที่คัน เพราะองค์กรต่างๆ ต่างคอยพุ่งเป้าไปที่ตัวเอกสารมากกว่ารายละเอียดที่แท้จริงที่ตัวรถเอง
      การตรวจสอบเอกสารประจำรถนั้น แม้เป็นเรื่องสำคัญที่สามารถใช้ตรวจสอบได้ว่ารถคันนั้นมีทะเบียนที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
      แต่แค่การตรวจสอบเอกสารประจำรถกับประวัติประกันนั้น ไม่เพียงพอที่จะรับประกันได้ว่ารถคันนั้นถูกกฏหมาย และปลอดภัยต่อการใช้งานจริง


       ซึ่งกลโกงต่างๆที่แกงค์ 18 มงกุฏใช้ในการซื้อขายรถนั้น สามารถแบ่งได้เป็น 5 ข้อหลักๆ ได้แก่



1. ปลอมแปลงเอกสารประจำรถ
  ทั้งเล่มทะเบียน ข้อมูลการเสียภาษี การทำประกันภัยรถ หรือแม้กระทั่งประวัติการเข้าศูนย์บริการ

        สิ่งต่างๆเหล่านี้ผู้ซื้อสามารถป้องกันได้โดย
- การขอตรวจสอบเอกสารประจำรถจากกรมการขนส่งทางบก
- ขอดูข้อมูลการกระทำความผิดทางกฏหมายได้จากกรมตำรวจในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการโจรกรรมรถ
- ข้อมูลจากบริษัทที่ให้การประกันภัยรถคันนั้น
- รวมทั้งสามารถนำรถเข้าไปหาข้อมูลการซ่อมบำรุงได้จากศูนย์บริการที่ผลิตรถ



2. ปลอมแปลงตราประทับ และเลขประจำรถต่างๆ
  ข้อนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นไม่มากเท่าการปลอมแปลงเอกสารประจำรถ

ข้อนี้สามารถทำได้โดย
-การตอกเลขเครื่องหรือเลขตัวถังใหม่ รวมถึงเลขแชสซี
-หรือแม้กระทั่งตัดเลขต่างๆที่ว่าจากซากรถคันนึงที่อาจถูกอุบัติเหตุรุนแรง ไปใส่ให้รถที่โจรกรรมมาที่มีรุ่นและสีเดียวกัน ซึ่งผู้ซื้อทั่วไปจะไม่สามารถตรวจสอบได้โดยตรงเลย เพราะเอกสารต่างๆประจำรถเป็นของจริงทั้งหมด ทั้งเล่มทะเบียน การเสียภาษี และเอกสารอื่นๆจากซากรถคันเก่า
        วิธีการตรวจสอบที่สามารถทำได้ดีที่สุดก็คือการตรวจสอบดูประวัติการเกิดความเสียหายต่างๆในเชิงลึกของรถคันนั้น ก็อาจพบได้ว่ารถคันนั้นเป็นรถที่เคยมีการชนจนขายซากมาหรือเคยมีประวัติถูกไฟไหม้มา แต่สภาพรถที่เห็นกลับสดใสเหมือนไม่เคยเกิดเหตุมาก่อน



3. การตัดต่อรถอุบัติเหตุหนักให้กลายเป็นรถใหม่สภาพดี 
  ข้อนี้เกิดได้หลายแบบ
-ทั้งตัดต่อช่วงหน้า
-ตัดต่อห้องโดยสาร
-ตัดต่อช่วงท้ายรถ
-หรือแม้กระทั่งตัดต่อช่วงด้านบนหลังคารถ
    ความเรียบร้อยในการทำการตัดต่อก็ขึ้นอยู่กับระดับฝีมือของช่าง 18 มงกุฏว่าเก่งและแนบเนียนแค่ไหน และก็ยังขึ้นกับชิ้นส่วนของซากรถที่นำมาตัดต่อใหม่ด้วยว่ามีความสมบูรณ์และเข้ากันได้กับอีกซากเพียงไร
    ในการตรวจสอบของข้อนี้สามารถทำได้ตั้งแต่ดูได้ง่ายๆว่าตัดต่อมาในกรณีที่ช่างตัดต่อทำออกมาได้ไม่ดี ไปจนถึงกระทั่งตรวจสอบด้วยตายากมากเพราะผู้ทำได้ซากรถดี และฝีมือในการทำก็ดีมากด้วย



4.การปลอมแปลงระยะทางที่ใช้งานมาของรถ
      ข้อนี้สามารถทำได้ง่ายๆ ทั้วไปในทุกๆประเทศทั่วโลก
    เหตุผลก็เนื่องมาจากอุปกรณ์บันทึกระยะทางในการขับขี่ของรถทุกๆคันในโลกนี้สามารถปรับเปลี่ยนเลขบอกระยะทางได้หมด ทั้งแบบเก่าที่มีกลไกหมุนเลขระยะทางจากเข็มระยะทางที่ทำงานวัดระยะทางจากล้อรถ จนไปถึงระบบดิจิตอลที่ใช้กันอยู่อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
     ทั้งนี้การปลอมแปลงระยะทาง ส่วนใหญ่ทำไปเพื่อหลอกให้ผู้ซื้อเข้าใจว่ารถคันดังกล่าวมีการใช้งานมาน้อยกว่าความจริง
    ในข้อนี้สามารถตรวจสอบได้โดยดูสภาพรถ ซึ่งอาจต้องใช้การคาดคะเนความเก่าใหม่ของอุปกรณ์ต่างๆของรถช่วย เช่นถ้าอุปกรณ์ภายในรถดูเก่าแก่มาก เบาะนั่งโดยเฉพาะที่ใช้วัสดุจำพวกหนัง มีการกรอบ แตก คล้ำ ดำ ตารถคันนั้นมีเลขระยะทางอยู่แค่ 20000 กิโลเมตร ก็สามารถรู้ได้ทันทีว่า ระยะทางอาจมากกว่านี้หลายเท่าตัว


5.การปกปิดสภาพรถที่ได้รับอุบัติเหตุมา
   ข้อนี้มีการทำการปลอมแปลงได้ตั่งแต่ การปกปิดว่ารถไม่เคยโดนเฉี่ยวชนมาเลยแม้แต่น้อย จนถึงกระทั่งรถมีการชนหนักจนถึงโครงสร้างความปลอดภัย แต่ปกปิดว่ามีสภาพใหม่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุหนักมา
    ในข้อนี้สามารถตรวจสอบได้เบื้องต้นโดยตัวผู้ซื้อเอง หรืออาจหาช่างที่สามารถตรวจสอบร่องรอยการเกิดอุบัติเหตุมาช่วยดูก็จะสามารถแก้ปัญหาข้อนี้ได้



   
 นอกจากนี้ ยังมีการหลอกลวงเล็กๆน้อยๆอีกหลายอย่าง ที่สามารถสร้างความเสียหายเล็กๆน้อยๆแก้ผู้ซื้อซึ่งก็ไม่ได้น่าเป็นห่วงนัก เช่นการแจ้งว่ามีประกันภัยคุ้มครองรถอยู่ทั้งที่ประกันได้ขาดอายุไปแล้ว หรือการแจ้งการต่อทะเบียนทั้งที่ทะเบียนขาดอยู่เป็นต้น

           การหารถมือสองมาใช้งานนั้น มีประโยชน์กับผู้ใช้มากมาย (สามารถดูได้จากบทความเกี่ยวกับการเปรียบรถใหม่กับรถมือสอง) แต่การตรวจสอบก่อนซื้อก็จัดว่าเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะรถมือสองที่ดี และถูกต้องตามกฏหมายนั้นมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
    เราจึงจำเป็นต้องระวังไม่ให้ตนเองไปซื้อรถที่จะสร้างความปวดหัวในแบบกลับตัวไม่ได้ไปต่อไม่ถึง